Tuesday, November 24, 2009

พัทยา ปราสาทสัจธรรม เมืองจำลอง

ฮี่ๆๆ กับๆๆ (กลับๆๆ) ค่าเข้าชม 500- กลับๆๆๆๆ อิอิ

นี่ไง 50- ก็ยังได้นั่งรถม๊านะจ๊ะ ดูดิดีใจจนหน้าบานเลย เอาไว้ป๋ารวยกว่านี้จะพาเข้าดูข้างในน๊ะจ๊ะที่รัก
ตอนนี้นั่งรถ(หม่า)ม๊า เอ้ย รถม้า เที่ยวก่อนละกังนะ

ปราสาทสัจธรรม ได้ดูห่างๆ อย่างห่วงๆ ก็พอใจแล้วเพราะงบน้อยจร๊า ค่าเข้าชม 500- ขอยืนดูห่างๆ 50- ขาดตัวล่ะจร๊า อ้อ ยังได้นั่งรถม้าด้วยนี่หว่า

23 พ.ย. 2552
วันนี้เป็นวันเกิดผมครับ ตื่นแต่เช้าเลยเชียว ไม่ใช่ว่าขยันหรืออะไรหรอกครับ แต่วันนี้อ่ะ มีทริปที่ต้องไปเที่ยวอีกแล้ว แต่เอ๊ะ วันนี้มันวันจันทร์นี่หว่า เอาน่าๆ ลางานก็แล้วกัน นานๆ จะได้ไปเที่ยวกับที่รักของผมสองคนอะนะ คงสงสัยว่าแล้วทำไมไม่ไปวันหยุดอ่ะ อันนี้เป็นความลับของทางราชการครับห้ามแพร่งพราย
เรานัดกันตั้งแต่เช้าตรู่(8.00น. ชาวกรุงเรียกเช้าตรู่) ขับรถจากบ้านที่รักผมขึ้นทางด่วยจากพระราม 4 ค่าผ่านทาง 45- ขับไปเรื่อยๆ เลี้ยวไปทาง พระราม9 บางนา เสียค่าทางด่วนช่วงบางนา อีก 25- ขับไปเรื่อยๆอีก เข้าทางด่วน มอเตอร์เวย์(ทางหลวงหมายเลข 7) เสียค่าทางด่วนที่ด่านลาดกระบัง อีก 30- (ทำไมมันเสียค่าทางด่วนเยอะจังฟระ) ขับไปเรื่อยๆ สามเรื่อยละ ผ่านจุดแวะพักกะจะเลี้ยวไปหาไรกิน ปากก็หิวแต่ท้องดันอิ่มซะนี่กระไร เลยผ่านจุดพักเฉยๆ แต่ไม่ได้จอดแวะ พอออกจากจุดแวะพัก ที่รักผมคงอยากกินลมชมวิวกระมัง เปิดกระจกรถให้ลมหนาว(ดาวเดือนไม่เกี่ยว) เข้ามากระทบประสาทสัมผัส ให้ได้เย็นชุ่มปอดกันซักพัก ก็ถึงด่านเก็บเงินอีกแล้ว.. ด่านพานทอง(แท้รึป่าวไม่รู้) ก็เสียกะตังกันไปอีก 30- เฮ้อ นับๆ แล้วรวมเท่าไหร่แล้วเนี่ย

วัดพระแก้ว, วัดระฆัง และตลาดวังหลัง


21 พ.ย. 2552
วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ใกล้เคียงกับวันละม้ายคล้ายๆกับเกิดครบรอบปีที่ 28ที่สุด(ชิบหายปีหน้า 29 แล้วเหรอเนี่ยตรู) ก็เลยนึกอยากจะทำบุญขึ้นมา แต่ที่รักของผมนี่สิดันไม่ว่างซะนี่ ก็เลยต้องหาเพื่อนมารับหน้าที่ไปเป็นเพื่อนผมแทน (ถ้าที่ยัยเบ๊บมาด้วยคงเรียกว่าไปเป็นแฟน) ซึ่งขอบคุณเพื่อนจูนที่ไม่เคบปฏิเสธเลยเวลาชวนไปวัดพระแก้วที่ทั้งร้อนระอุ และเดินเหนื่อยทุกที(ที่ไปกับผม)


ลืมไปว่าสะพายกล้องไปด้วยกว่าจะได้ยกมาถ่ายก็เข้ามาถึงภายในบริเวณวัดแล้ว แอบได้ยินไกด์เล่าว่าพระองค์ที่เห็นอยู่นี้เป็นรูปจำลอง ส่วนของจริงอยู่ในพิพิธภัณฑ์ นะครับ แหงหละเอาของจริงมาก็โดนรูดอ่ะดิ

รูปจำลองนครวัด ที่กำลังมีปัญหากัน (อุ๊ป) โมเดลตัวนี้ตั้งอยู่ด้านหลังเจดีย์ ในวัดพระแก้วครับ รายละเอียดนับว่าไม่ธรรมดาเลยทีเดียว

ช่างกำลังแต่งสีภาพวาดฝาผนังวัดพระแก้ว ดูท่าทางพี่เค้าจะนิ่งมากๆ อาท ตัวพี่ตัวเป็นๆ จริงๆ อ่อพี่เค้าใส่หูฟังด้วยนะครับ เป็นการบอกเป็ยนัยๆ ว่า ห้ามรบกวนนะ

เดินออกมาหน้าวัดพระแก้วเห็นภาพชวนหงุดหงิดสายตา เพราะฝรั่งตัวแม่คนนี้
กฏหมายไทยที่ว่าแน่(จริงง่ะ) ยังต้องแพ้ฝรั่งจิ๊กกี๋ดูดบุหรี่หน้าวัดพระแก้วเลยทีเดียว ไม่รู้รึไงว่าตำรวจจับได้นะจ๊ะ แต่แมร่งไม่เห็นจะจับซักที (ตำรวจบางคนดูดเองด้วยนะ ดีมากกก)
แต่เดินไปไหนมาไหนเห็นดูดกันเต็มทั้งไทยจีนญี่ปุ่นฝรั่งเศษ เศษฝรั่ง ทั้งหลาย ผมก็เลยนึกสงกะสัยว่ากฏหมายไทยยังไม่ได้บังคับใช้(มั้ง)

เดินๆ ไปเกือบๆ ถึงท่าเรือ เหล่ไปเห็นคุณลุงกำลังทำข้าวโพดขั้ว(โลกร้อน) แบบโบราณกาลจริงแท้แน่นอน ดูจากอุปกรณ์สิ น่าสนใจใช่ย่อยเลยทีเดียวเชียว เพื่อนจูนบอกเค้าทำแบบนี้กันตั้งนานแล้ว อ่าว นี่กรูไปอยู่ไหนมาเนี่ย ไม่เคยเห็นจริงๆ ภูิปัญญาชาวบ้านนะเนี่ย


เต่าลอคอยลอยคอรอปลดปล่อย แต่ไม่กล้าปล่อยเพราะกลัวมีแมี่ค้าหัวใสมาปลดอิสระของมันอีกนี่ดิ เพราะปล่อยไปเต่าน้อยคงไม่ไปไหน เอหรือเราคิดมากไปเองหว่า เอาเป็นว่าแล้วแต่ศรัทธานะครับ

เห็นรถคันนี้แล้วนึกถึงหนังของอาสรพงศ์ ตอนหนุ่มๆ นะ คลาสสิคมากๆ น่ารักดี

ตลาดน้ำลำพญา

14 พ.ย. 2552

ในที่สุดก็ถึงวันเสาร์ที่รอคอยลอยคอกันมานาน หลังจากเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานและการใช้ชีวิต ก็ได้เวลาไปพักกันซักที ส่วนเรื่องสถานที่ตอนแรกผมก็วางแผนไว้ว่าอาจจะไปเที่ยวทะเลมั่ง อาจจะไปดอนหอยหลอดกัน แต่แล้ว(ช่วงกินเจเมื่อเดือนก่อน) ได้ดูรายการ เรื่องเล่าเช้านี้ของคุณ สรยุทธ ที่พาเที่ยวตลาดน้ำลำพญา เห็นของกินอันหลากหลายแล้วน้ำลายย้อย แต่ต้องพยายามห้ามใจ และ(เหมือนจะ)ทำใจให้สงบกับช่วงเจของตัวเอง และแล้ว เมื่อเวลาล่วงเลยมาพอสมควร ผมออกจากเจเต็มตัวแล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นวี่เห็นแววจะได้ไปเที่ยวตลาดลำพญาซ๊ากกก.. ที จนกระทั่งวันนี้โอกาสเหมาะ ฟ้าใสใจสว่าง ก็เลยชวนที่รักไปเที่ยวกัน จาก กทม. ก็ขับรถไปทางเส้น ถ.สิรินธร ขับไปเรื่อยๆๆๆๆๆ ดูตามแผนที่ละกัน

แผนที่ตลาดน้ำ ลำพญา

ส่วนตอนผมไปนั้น พก GPS ไปด้วย สะดวกว่านิดหน่อย แต่ตอนจะเลี้ยวขึ้นสะพานอะไรซักอย่างจำไม่ได้ละ ดันพลาดเลยต้องไปเลี้ยวกลับซะไกลเลย.. เฮ้อ ไม่รู้บ้านเราจะทำถนนให้งงกันไปไหน ป้าบบอกทางก็ช่วยๆ ทำห่างๆ ให้มันเคลียๆ ดูง่ายไม่ได้รึไงกัน ทำซะประชิดเชียว ถ้าวิ่งมาไม่เกิน 20กม./ชม. คงไม่มีปัญหาอ่ะ แต่นี่รถยนต์นะครับ 60อัพ เห็นป้ายปุ๊บแม่นแยกไปละ.. หึหึ แต่เอาน่าสุดท้ายก็ไปถึงจุดหมายปลายทางได้โดยสวัสดิภาพครับ


พอไปถึงก็จะเจอกับวัดลำพญา นั่นหละ คือที่เดียวกันกับตลาดน้ำลำพญา เพราะจอดรถกันที่บริเวณลานหน้าวัดหละครับ แล้วก็เดินๆๆ ตามๆ เค้าไป เดี๋ยวก็เจอ ไม่เจอก็ถามทางเค้าเอาละกัน ผมก็ถามไปทีนึงหละ(อย่าลืมทำหน้าแบบงงๆ คือคนมันไม่รู้จริงๆ น่ะ ว่าตรงไหน)

เดินเข้าไปช่วงกลางตลาดแว๊บแรกได้เห็นร้านขายห่อหมก

อันนี้เค้าวางไว้สำหรับชิมน๊ะไม่ใช่ขาย (มือนี้คุ้นๆ นะ แว๊บๆ ไปชิมซะละคนเรา)
จริงๆ แอบอยากให้ขายเล็กๆ แบบนี้เหมือนกันนะ คงพอดีคำเลยล่ะ



นั่นไงจับได้คาปากเชียว งับเข้าไปเต็มๆ คำ งานนี้ยัยเบ๊บบอกว่า อื๊มมมม.. อาหย่อย


อันนี้ห่อหมกที่ไม่หมกในห่อ ราคา 25 บาท ต่อถ้วย เอาถ้วยน่ารักๆ กลับบ้านได้เลย

ปลาหมึกตัวบ๊าเิริ่มแต่ไม่กล้ากินกลัวอิ่มเกิน เดี๋ยวกินอย่างอื่นไม่ลง

แม่ค้ายืนย่างหอยห่างๆ อย่างห่วงๆ

หอยอุ่นๆ ย่างใหม่ๆ กลิ่นหอมชวนหม่ำเสียนี่กระไร

ร้านเดียวกันมีกุ้งเผาด้วยก๊าบ.. สังเกตุว่าร้านแรกนี่จะอยู่กับมันนานมาก..หะหะ

ยัยเบ๊บ แคะหอยเชลละ ดูหน้าตาอันสุดจะอิ่มของเธอสิ หน้าตามันบอกว่าอิ่มจริงๆ นะ

นั่นไง เผลอแป๊ปเดียวอ่ะ ซัดไปแล้ว เต็มปาก ดูสีหน้าก็รุ้ว่า ไม่หย่อย(ใช่ป่ะ)

หันมากอีกด้านนึง ปลาเผา กุ้งเผา เพียบเลย น่ากินทั้งนั้น

ยายแกนั่งเกาหูนะ เห็นแว๊บแรกคิดว่าคุยโทรศัพย์มือถืออยู่ ..55555


ข้อเสียอย่างเดียวของที่นี่ก็คือมีของอร่อยเยอะเกินไปนิด มองไปทางไหนก็มีแต่ของน่ากินทั้งนั้น